6 ตุลา เหตุน่าเศร้าของคนไทย

จากเรื่องราวต่อต้านเรียกร้องระบบประชาธิปไตยของประชาชนในวันที่ 14 ต.ค. 2516 ได้ทำให้รัฐบาลเผด็จการทหารของจอมพลถนอม กิตติขจร พ้นจากอำนาจ และจำเป็นต้องเดินทางออกนอกประเทศพร้อมจอมพลประภาส จารุเสถียร และพ.อ.ณรงค์ กิตติขจร
แต่ว่าตั้งแต่แมื่อกลางปี 2518 มีสัญญาณบอกว่าเผด็จการทหารกรุ๊ปเดิมกำลังคิดแผนที่คืนกลับสู่อำนาจอีกรอบ และก็ในวันที่ 19 ก.ย. 2519 ถนอม ที่ถูกขับไล่ออกนอกประเทศรวมทั้งลี้ภัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ก็ได้เดินทางกลับเมืองไทยด้วยการบวชเป็นสามเณรเข้ามา โดยอ้างต่อหมู่ชนว่าตนจะอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ไม่ได้มุ่งเสาะหาอำนาจ และต้องการมาเยี่ยมบิดาที่ใกล้ถึงแก่กรรม
สามเณรถนอมออกมาจากท่าอากาศยานมุ่งตรงไปยังวัดบวรนิเวศวิหารเพื่อเข้ารับการอุปสมบท แต่ว่ามวลชนจำนวนมากยังไม่เชื่อว่าสามเณรถนอมปรารถนาความหลุดพ้นจริงๆ(ท้ายที่สุดเขาก็สึกในปีถัดมา ก่อนเรียกร้องให้รัฐบาลคืนเงินของเขาที่ถูกยึดไปด้วยข้อกล่าวหาโกง) ก็เลยพากันออกมาคัดค้าน
แต่ว่านักกิจกรรมถูกตอบโต้กลับอย่างหนัก ในวันที่ 24 ก.ย. 2 คนงานโรงไฟฟ้าส่วนภูมิภาคถูกฆ่าตายแขวนคอขณะออกไปปิดใบประกาศคัดค้านการกลับมาของถนอม ต่อจากนั้นในวันที่ 4 ต.ค. นิสิตได้เล่นละครแขวนคอเพื่อต่อต้านการใช้ความร้ายแรงซึ่งมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีความเกี่ยวข้อง และต่อต้านความพยายามใดๆที่จะนำพาประเทศกลับสู่ระบบเผด็จการอีกซึ่งมีครั้ง
วันถัดมา “ดาวสยาม” หนังสือพิมพ์ฝ่ายขวาได้ใส่ร้ายป้ายสีนิสิตที่เล่นละครแขวนคอว่าหมิ่นพระบรมโอรสาธิราช และข้อกล่าวหาล้มสถาบันกษัตริย์ ภาพที่นำมาจากหนังสือพิมพ์ดาวสยาม (การโต้เถียงกันว่ามีการตกแต่งภาพหรือเปล่า และหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับอื่นมีส่วนสมคบคิดกับดาวสยามหรือไม่) ถูกนำไปปลุกระดมให้ลูกเสือชาวบ้านและกลุ่มฝ่ายขวาอื่นๆเข้าล้อมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มีนักศึกษานับพันคนประชุมคัดค้านกันอยู่

วันที่ 6 ต.ค. เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเสียใจที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยเมื่อกองกำลังติดอาวุธซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐอย่างตำรวจตระเวนชายแดน และก็ลูกเสือชาวบ้านเป็นแกนนำได้ใช้ความรุนแรงเข้าทารุณกรรม และสังหารชีวิตของนิสิตอย่างไร้ปราณี ด้วยข้อกล่าวหาเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ โดยมีคนตายอย่างต่ำ 46 ราย (บางแหล่งอ้างถึงหลักร้อยราย)
การที่กองกำลังตำรวจตระเวนชายแดนซึ่งไม่ได้ทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร ได้เคลื่อนพลเข้ามากำจัดนิสิตในครั้งนี้ ทางรัฐบาลของนายเสนีย์ ปราโมช รับรองว่าไม่ได้เป็นผู้สั่งการ เสนีย์ยังกล่าวถึงว่าเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับการฆ่ากลุ่ม โดยพูดว่า ทางรัฐบาลสั่งให้ข้าราชการจับตัวนิสิตที่มีส่วนกับการแสดงละครแขวนคอแค่นั้น ไม่ได้สั่งให้ยิงนิสิตแต่อย่างใด
เหตุฆ่าหมู่ที่เกิดขึ้น เปลี่ยนเป็นคำกล่าวอ้างให้ พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ผู้บังคับบัญชาทหารสูงสุดขณะนั้น ประกาศยึดอำนาจ พร้อมกล่าวประณามนักการเมือง และความไร้ประสิทธิภาพของระบบประชาธิปไตย
“พวกเราตั้งความหวังกับระบบประชาธิปไตยไว้สูงเกินความจำเป็น ผู้ที่ได้รับมอบสิทธิ์ก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ พวกเราจะใช้โอกาสนี้ทำการแก้ไขในทุกระดับ ต่อจากนั้นเมื่อเหตุการณ์ไปสู่สถานการณ์สงบเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว พวกเราจึงจะมอบอำนาจคืนให้กับรัฐบาลพลเรือนอีกครั้ง” สงัด กล่าว (นิวยอร์กไทม์)
ข้างหลังยึดอำนาจ คณะรัฐประหารได้ตั้งให้ ธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตผู้พิพากษาเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ซึ่งในยุคของเขาได้เริ่มการดำเนิคดีกับนิสิต 3,000 คน ที่โดนจับกุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่การพิจารณาคดีกลับกลายเป็นการเผยให้มองเห็นความต่ำช้าเลวร้ายของฝ่ายรัฐบาลเสียเอง
ท้ายที่สุดรัฐบาลของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ที่เข้ามาแทนที่ ธานินทร์ ตามความเห็นของคณะปฏิวัติก็ได้นิรโทษกรรมให้กับผู้เกี่ยวข้องทั้งปวงในเหตุการณ์ 6 ต.ค. ทำให้นักศึกษาพ้นจากการดำเนินคดี แม้กระนั้นเวลาเดียวกันก็ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐและผู้ที่มีส่วนกับความรุนแรงไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับโทษในภายหลังเช่นกัน
สนับสนุนการจัดทำโดย เกมสล็อต สุดยอดเกมยอดฮิตบนเว็บคาสิโนออนไลน์w88ที่ดีที่สุดและมีให้เลือกอีกมากมาย